ปลูกกะหลํ่าดอก ให้ดอกสวย


ในอดีตประเทศไทยยังมีความรู้และความสามารถน้อยในการเพาะปลูกกะหล่ำดอก เพราะเป็นผักที่ต้องมีความชำนาญและรู้วิธีปลูกที่ถูกต้องจึงจะได้ผลผลิตที่ดี ต่อมาได้มีการทดลองและ ปรับปรุงวิธีการเพาะปลูก จากส่วนงานที่เกี่ยวข้อง 

กะหล่ำดอกที่นิยมนำมาบริโภคนั้น คือส่วนที่อัดตัวกันแน่นด้านบนของลำต้น มีสีขาว หรือสีครีมอ่อน และสีเขียว ซึ่งเป็นส่วนที่จะให้กำเนิดช่อดอกของกะหล่ำ ส่วนที่รับประทานจึงไม่ใช่ดอกที่แท้จริง เมื่อส่วนนี้แก่จึงจะมีช่อดอกยืดมาจากส่วนนี้อีกทีหนึ่ง

กะหล่ำดอกมีถิ่นกำเนิดแถบเมดิเตอร์เรเนียน ปัจจุบันในประเทศไทยมีปลูกหลายพันธุ์ แบ่งออกเป็นพันธุ์หนัก พันธุ์กลางและพันธุ์เบา พันธุ์เบามีอายุประมาณ 50-65 วัน หลังจากการย้ายกล้าถึงเก็บเกี่ยว พันธุ์หนักมีอายุประมาณ 70-90 วัน ส่วนพันธุ์กลางมีอายุประมาณ 65-75 วัน แต่ละชนิดมีลักษณะของหัวแตกต่างกันออกไป อาจกลมหรือแบน พันธุ์ที่เป็นที่นิยมของตลาดมักมีขนาดกลม สีขาวผ่อง และมีใบหุ้ม ดอกมาก ผิวของดอกเรียบ และปัจจุบันเริ่มให้ความนิยมกับดอกสีเขียวเพิ่มมากขึ้น

เป็นผักที่เจริญเติบโตได้ดีในดินที่ค่อนข้างเหนียว สามารถระบายน้ำได้ ซึ่งจะทำให้หัวแน่น น้ำหนักดี ซึ่งทำให้ผลผลิตสูง เนื่องจากดินอุ้มน้ำได้ดี ทำให้เจริญเติบโตได้ดีสม่ำเสมอ หากเป็นดินร่วนจะทำให้ขาดน้ำเนื่องจากการระบายน้ำดี จะทำให้ดอกหลวม น้ำหนักไม่ดี

หากดินดีมีอินทรียวัตถุมากเกินไปจะทำให้เจริญทางใบมาก ขณะที่ดอกจะเล็กลงส่วนหากดินไม่ดีจะทำให้โตช้า หรือทำให้หัวไม่โตเท่าที่ควรจะเป็น เป็นพืชที่ต้องการน้ำตลอดช่วงการเจริญเติบโต โดยเฉพาะในช่วงสร้างดอก จะให้ขาดน้ำไม่ได้ จึงไม่เหมาะสมที่จะปลูกในพื้นที่ที่มีปัญหาเรื่องน้ำ

ขณะที่ความเป็นกรดด่างของดินควรอยู่ที่ประมาณ 6.0-6.8 พร้อมได้รับแสงแดดเต็มที่ตลอดทั้งวัน อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ที่ประมาณ 15.5-18.3 องศาเซลเซียส หากสูงกว่านี้จะทำให้มีใบขึ้นแซมดอก ซึ่งจะทำให้ดอกไม่แน่น

การปลูกที่ดีควรเป็นการย้ายกล้า โดยกล้ามีอายุประมาณ 6 สัปดาห์ ระยะห่างระหว่างหลุมปลูกอยู่ที่ประมาณ 50-75 เซนติเมตร หลังปลูกให้น้ำจนชื้นแปลงปลูก ใช้ฟางคลุมลดการระเหยของน้ำจากหน้าดิน

เมื่อกะหล่ำดอกเริ่มมีดอกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5-7 เซนติเมตร ตัดแต่งใบบน ๆ โน้มเข้ามาเพื่อห่อดอกแบบหลวม ๆ ใช้เชือกมัดไว้ประมาณ 3-7 ก้านจนถึงช่วงการตัดดอกออกจำหน่าย การที่ให้ดอกกะหล่ำไม่ถูกแสงแดดจะทำให้ดอกมีสีตามธรรมชาติเป็นที่ต้องการของตลาด หากปล่อยให้โดนแสงแดดดอกจะมีสีเหลือง ผู้บริโภคมักไม่นิยม

การตัดดอกใช้มีดตัดลำต้นโดยให้มี ใบหุ้มดอกมาด้วยประมาณ 3 ใบ เพื่อห่อหุ้มกันกระทบกระเทือนดอกในขณะขนส่งดอกจะไม่ช้ำ การบรรจุมักบรรจุลงในเข่งไม้ไผ่ หลังเก็บเกี่ยวควรนำมาบริโภคทันทีหรือส่งจำหน่ายตลาดทันที

เนื่องจากดอกกะหล่ำมักมีการเปลี่ยนแปลงสภาพอย่างรวดเร็ว เช่น การเปลี่ยน สีจากสีขาวหรือสีเขียว เป็นเหลืองซีด หรือเหลืองคล้ำ และอาจเกิดการหลวมตัวของดอก ทำให้สูญเสียน้ำหนัก ขายได้ราคาต่ำ

ที่มา:เดลินิวส์

ความคิดเห็น