ข้อมูลจากสำนักงานเกษตรจังหวัดกำแพงเพชร ได้เปิดเผยความสำเร็จในการประกอบอาชีพของ Young Smart farmer หรือเกษตรกรรุ่นใหม่ที่หันมาปลูกอ้อยอินทรีย์เพื่อคั้นน้ำขาย สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวเดือนละไม่น้อยกว่า 30,000 บาท
ซึ่งเกษตรกรรายนี้คือนางมาติกา ศรีวรรณะ อายุ 39 ปี ราษฎรหมู่ที่ 5 ตำบลป่าพุทราอำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร เป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ หรือ Young Smart farmer ของจังหวัดกำแพงเพชร
แต่เดิมมีอาชีพทำข้าวหลามขายหน้าเรือนจำจังหวัดสมุทรปราการ มีรายได้เฉลี่ย วันละ 2,000-5,000 บาท ใช้ชีวิตแบบคนเมือง มีรายได้สูง รายจ่ายสูงตาม จึงมีแนวคิดอยากมีอาชีพที่มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน จึงได้เริ่มศึกษาโครงการ 1 ไร่ 1 แสน ซึ่งเป็นโครงการเกษตรตามรอยเท้าพ่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ท่านทรงสอนไว้ว่า เราสามารถอยู่ได้บนแผ่นดินนี้ โดยไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มจากต้องมีกินก่อนไม่ต้องซื้อ เช่น ข้าว ปลา ไข่เป็ด ไข่ไก่ สร้างแหล่งอาหารภายในบ้าน โดยปลูกทุกอย่างที่กิน และกินทุกอย่างที่ปลูก ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ เป็นการสร้างความมั่นคง และมั่งคั่งให้กับตนเองและครอบครัว ต่อมาในเดือนมิถุนายน ปี 2559 จึงหันหลังให้เมืองใหญ่กลับบ้านเกิดที่อำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร เข้าร่วมโครงการ คนกล้าคืนถิ่น และสมัครเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ของสำนักงานเกษตรจังหวัดกำแพงเพชร โดยใช้องค์ความรู้จากโครงการ 1 ไร่ได้ 1 แสนและเกษตรทฤษฎีใหม่มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับสภาพพื้นที่ของตนเองที่มีอยู่ 20 ไร่
โดยแบ่งพื้นที่ปลูกอ้อยคั้นน้ำ 4 ไร่ ทำนา 2 ไร่ ปลูกกล้วยไข่พันธุ์พื้นเมือง 4 ไร่ที่เหลือปลูกไม้ผลและไม้ยืนต้น ส่วนอ้อยที่ปลูกเพื่อตัดมาคั้นน้ำจะอยู่ที่อายุ 8 เดือน โดยใช้พันธุ์สุพรรณบุรี 50 ใช้หลุมปลูกขนาด 50X50 เซนติเมตร ลึก 50 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างแถว 2 เมตร ระหว่างต้น 1 เมตร ในพื้นที่ 1ไร่จะปลูกได้ 800 หลุม
ก่อนปลูกรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักและบำรุงเพื่อให้ต้นอ้อยเจริญเติบโตและให้น้ำหวานตามที่ต้องการด้วยการให้ปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพตลอดระยะการเจริญเติบโตโดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีใด ๆ แต่ประการใด เมื่อต้นอ้อยเจริญเติบโตเต็มที่ 1 หลุมจะได้ต้นอ้อยที่มีความยาวประมาณ 3- 4 เมตร จำนวน 20 ลำหรือ 16,000 ลำต่อพื้นที่ 1 ไร่ คิดเป็นน้ำหนัก 56 ตันต่อพื้นที่ไร่
เกษตรกรรายนี้จะนำอ้อยที่ปลูกเก็บเกี่ยวมาผลิตเป็นน้ำอ้อยคั้นน้ำขาย โดยอ้อย 1 ลำ จะคั้นน้ำอ้อยได้ประมาณ 1.40 ลิตร นำมาบรรจุขวดขนาด 250 ซีซี ได้ประมาณ 5.5 ขวด จำหน่ายขวดละ 20 บาท ได้เงิน 110 บาทต่ออ้อย 1 ลำ อ้อยในพื้นที่ 1 ไร่ เมื่อตัดเอามาทำน้ำอ้อยจะมีรายได้มากถึง 1,760,000 บาท โดยจะมีรายได้เฉลี่ยเดือนละประมาณ 20,000-30,000 บาท จากการทยอยตัดอ้อยมาทำน้ำอ้อยคั้นจำหน่าย
ในช่วงที่อ้อยยังเล็ก เกษตรกรรายนี้จะปลูกพืชอายุสั้น เช่น ข้าวโพดหวาน ถั่วเขียว มันเทศญี่ปุ่น มะเขือเทศราชินี ในระหว่างร่องสวน เป็นการสร้างรายได้ระหว่างอ้อยโต การเข้ามาเป็น Young Smart farmer ทำให้ได้เพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่มีความคิดเห็นเหมือนกัน ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ มีเครือข่ายทั่วประเทศ ทำให้มีแหล่งจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น
และรายได้ของเกษตรกรรายนี้ที่ได้จากการทำการเกษตรในพื้นที่ของตนเองโดยรวมไม่น้อยกว่าเดือนละ 50,000-100,000 บาท ประกอบด้วยน้ำอ้อยคั้น ข้าวหลาม กะลา ปลา ไข่ไก่ พืชผักที่ปลูกเพื่อบริโภคในครัวเรือน หลังแบ่งปันเพื่อนบ้านแล้วส่งออกจำหน่าย
สำหรับรายจ่ายมีไม่มากนัก เนื่อง จากปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก ในทุกวันนี้ครอบครัวมีความสุขด้วยทุกคนอยู่พร้อมหน้าและสุขภาพดีด้วยบริโภคสิ่งที่ไม่มีการเจือปนสารเคมี
ซึ่งเกษตรกรรายนี้คือนางมาติกา ศรีวรรณะ อายุ 39 ปี ราษฎรหมู่ที่ 5 ตำบลป่าพุทราอำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร เป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ หรือ Young Smart farmer ของจังหวัดกำแพงเพชร
แต่เดิมมีอาชีพทำข้าวหลามขายหน้าเรือนจำจังหวัดสมุทรปราการ มีรายได้เฉลี่ย วันละ 2,000-5,000 บาท ใช้ชีวิตแบบคนเมือง มีรายได้สูง รายจ่ายสูงตาม จึงมีแนวคิดอยากมีอาชีพที่มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน จึงได้เริ่มศึกษาโครงการ 1 ไร่ 1 แสน ซึ่งเป็นโครงการเกษตรตามรอยเท้าพ่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ท่านทรงสอนไว้ว่า เราสามารถอยู่ได้บนแผ่นดินนี้ โดยไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มจากต้องมีกินก่อนไม่ต้องซื้อ เช่น ข้าว ปลา ไข่เป็ด ไข่ไก่ สร้างแหล่งอาหารภายในบ้าน โดยปลูกทุกอย่างที่กิน และกินทุกอย่างที่ปลูก ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ เป็นการสร้างความมั่นคง และมั่งคั่งให้กับตนเองและครอบครัว ต่อมาในเดือนมิถุนายน ปี 2559 จึงหันหลังให้เมืองใหญ่กลับบ้านเกิดที่อำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร เข้าร่วมโครงการ คนกล้าคืนถิ่น และสมัครเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ของสำนักงานเกษตรจังหวัดกำแพงเพชร โดยใช้องค์ความรู้จากโครงการ 1 ไร่ได้ 1 แสนและเกษตรทฤษฎีใหม่มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับสภาพพื้นที่ของตนเองที่มีอยู่ 20 ไร่
โดยแบ่งพื้นที่ปลูกอ้อยคั้นน้ำ 4 ไร่ ทำนา 2 ไร่ ปลูกกล้วยไข่พันธุ์พื้นเมือง 4 ไร่ที่เหลือปลูกไม้ผลและไม้ยืนต้น ส่วนอ้อยที่ปลูกเพื่อตัดมาคั้นน้ำจะอยู่ที่อายุ 8 เดือน โดยใช้พันธุ์สุพรรณบุรี 50 ใช้หลุมปลูกขนาด 50X50 เซนติเมตร ลึก 50 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างแถว 2 เมตร ระหว่างต้น 1 เมตร ในพื้นที่ 1ไร่จะปลูกได้ 800 หลุม
ก่อนปลูกรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักและบำรุงเพื่อให้ต้นอ้อยเจริญเติบโตและให้น้ำหวานตามที่ต้องการด้วยการให้ปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพตลอดระยะการเจริญเติบโตโดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีใด ๆ แต่ประการใด เมื่อต้นอ้อยเจริญเติบโตเต็มที่ 1 หลุมจะได้ต้นอ้อยที่มีความยาวประมาณ 3- 4 เมตร จำนวน 20 ลำหรือ 16,000 ลำต่อพื้นที่ 1 ไร่ คิดเป็นน้ำหนัก 56 ตันต่อพื้นที่ไร่
เกษตรกรรายนี้จะนำอ้อยที่ปลูกเก็บเกี่ยวมาผลิตเป็นน้ำอ้อยคั้นน้ำขาย โดยอ้อย 1 ลำ จะคั้นน้ำอ้อยได้ประมาณ 1.40 ลิตร นำมาบรรจุขวดขนาด 250 ซีซี ได้ประมาณ 5.5 ขวด จำหน่ายขวดละ 20 บาท ได้เงิน 110 บาทต่ออ้อย 1 ลำ อ้อยในพื้นที่ 1 ไร่ เมื่อตัดเอามาทำน้ำอ้อยจะมีรายได้มากถึง 1,760,000 บาท โดยจะมีรายได้เฉลี่ยเดือนละประมาณ 20,000-30,000 บาท จากการทยอยตัดอ้อยมาทำน้ำอ้อยคั้นจำหน่าย
ในช่วงที่อ้อยยังเล็ก เกษตรกรรายนี้จะปลูกพืชอายุสั้น เช่น ข้าวโพดหวาน ถั่วเขียว มันเทศญี่ปุ่น มะเขือเทศราชินี ในระหว่างร่องสวน เป็นการสร้างรายได้ระหว่างอ้อยโต การเข้ามาเป็น Young Smart farmer ทำให้ได้เพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่มีความคิดเห็นเหมือนกัน ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ มีเครือข่ายทั่วประเทศ ทำให้มีแหล่งจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น
และรายได้ของเกษตรกรรายนี้ที่ได้จากการทำการเกษตรในพื้นที่ของตนเองโดยรวมไม่น้อยกว่าเดือนละ 50,000-100,000 บาท ประกอบด้วยน้ำอ้อยคั้น ข้าวหลาม กะลา ปลา ไข่ไก่ พืชผักที่ปลูกเพื่อบริโภคในครัวเรือน หลังแบ่งปันเพื่อนบ้านแล้วส่งออกจำหน่าย
สำหรับรายจ่ายมีไม่มากนัก เนื่อง จากปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก ในทุกวันนี้ครอบครัวมีความสุขด้วยทุกคนอยู่พร้อมหน้าและสุขภาพดีด้วยบริโภคสิ่งที่ไม่มีการเจือปนสารเคมี
ที่มา: เดลินิวส์
ความคิดเห็น