ปลูกมะระหวาน เชิงพาณิชย์ เป็นที่ต้องการของตลาด

มะระหวาน เป็นไม้เถาเลื้อยเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศเย็นและชุ่มชื้นเป็นพืชข้ามปี ลักษณะคล้ายพืชตระกูลแตง ลำต้น ใบ ยอดและมือจับคล้ายแตงกวาผสมกับฟักเขียว ดอก เกิดที่ขั้วระหว่างต้นกับก้านใบเป็นชนิดดอกช่อ



มะระหวาน เป็นไม้เถาเลื้อยเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศเย็นและชุ่มชื้นเป็นพืชข้ามปี ลักษณะคล้ายพืชตระกูลแตง ลำต้น ใบ ยอดและมือจับคล้ายแตงกวาผสมกับฟักเขียว ดอก เกิดที่ขั้วระหว่างต้นกับก้านใบเป็นชนิดดอกช่อ

     เนื้อของผลเจริญมาจากฐานรองดอกที่ขยายใหญ่ไปหุ้มเมล็ดไว้ มีเมล็ดเพียงเมล็ดเดียวในผล เป็นพืชที่แมลงรบกวนไม่มาก ยกเว้น ราแป้งและเพลี้ยไฟ จะมีระบาดในบางฤดูกาลเท่านั้น ยอดมีลักษณะเช่นเดียวกับยอดของฟักทองและตำลึง ปัจจุบันเป็นที่นิยมของผู้นิยมบริโภคผักปลอดสารพิษทั่วไป ซึ่งยอดมีรสชาติหวานกรอบ
ในการปลูกขุดหลุมขนาดกว้าง x ยาวxลึก ประมาณ 20-50 ซม. คลุกเคล้าดินด้วยเศษพืชและปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก หากต้องการปลูกเพื่อเก็บยอดอย่างเดียว ระยะปลูกระหว่างต้น ระหว่างแถวประมาณ 1x1 หรือ 1x2 เมตร ปลูกเป็นหลุม ๆ เรียงเป็นแถวติดต่อกันไปตามสภาพของพื้นที่และไม่ต้องทำค้าง เพื่อสะดวกในการเก็บยอด

    การปลูกจำเป็นต้องเตรียมต้นพันธุ์ โดยจะต้องนำผลสดที่แก่เต็มที่ พร้อมที่จะปลูก ลักษณะของผลจะมีรอยแตก นำมาชำในที่ร่มชื้นหรือชำในถุงชำ จนกระทั่งเริ่มแตกยอดอ่อนจึงนำไปปลูก หรือทิ้งผลที่แก่จัดไว้กับต้นปลายผลจะเกิดรอยแตกและงอกต้นอ่อน ก็สามารถนำไปปลูกได้เช่นเดียวกัน สามารถปลูกได้ตลอดปี การปลูกโดยการนำผลแก่จัดและงอกต้นอ่อนแล้ว วางลงกลางหลุมปลูกที่เตรียมไว้กลบดิน 3 ใน 4 ของผล เหมือนการปลูกมะพร้าว

    เสร็จแล้วคลุมด้วยหญ้าแห้ง ฟางข้าวหรือเศษพืชรดน้ำให้ชุ่ม วันละ 1-2 ครั้ง คอยกำจัดวัชพืช และใส่ปุ๋ยคอกบ้างเป็นระยะจนอายุประมาณ 2 เดือน ก็สามารถเก็บยอดจำหน่ายได้ เมื่อเก็บเกี่ยวระยะหนึ่ง ต้นและใบจะเริ่มโทรมลง ให้เด็ดใบแก่ที่มีสีเหลือง ใบแห้ง ใบที่เป็นโรคออกให้หมด เติมปุ๋ยคอก รดน้ำ และกำจัดวัชพืช

    ช่วงระยะนี้หากปลูกให้ไต่ค้างก็ปล่อยให้เจริญเติบโตต่อไปบนค้าง จนอายุประมาณ 4–5 เดือน ก็จะสามารถเก็บผลผลิตได้ทั้งยอดและผล เมื่อปลูกและเก็บผลได้ระยะหนึ่ง ต้นและใบจะเริ่มโทรมลง ให้เด็ดใบแก่ที่มีสีเหลือง ใบแห้ง ใบที่เป็นโรคออกให้หมด เติมปุ๋ยคอก รดน้ำและกำจัดวัชพืช ก็จะสามารถเจริญเติบโตต่อไปได้อีกประมาณ 3-4 ปี

   เกษตรกรสามารถเก็บยอดอ่อนนำไปปรุงอาหารหรือจำหน่ายได้ และจะเก็บยอดอ่อนได้ทุก 2-3 วันต่อครั้ง แต่ละครั้งจะเก็บได้ประมาณ 200-300 กิโลกรัมต่อพื้นที่ 1 ไร่ สำหรับราคาจำหน่ายจะขึ้นอยู่กับฤดู กาล หรือตามภูมิภาค ผักจะแพงช่วงกินเจ และช่วงหน้าหนาว ดังนั้นหากเกษตรกรจะปลูกควรดูที่ช่วงจังหวะ เพื่อจะได้ราคาที่ดี ที่สำคัญควรปลูกแบบปลอดสารพิษหรือแบบ Organic ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด ขายง่าย ปลอดภัยต่อร่างกายของเกษตรกรและผู้บริโภค

    หลังจากเก็บผลผลิตเป็นที่พอใจแล้วหรือเห็นว่าโทรมมากหรือเข้าสู่ฤดูแล้ง ให้ตัดต้นเหนือดินออกให้หมดทิ้งให้พักตัว ถ้าต้องการได้ต้นใหม่ให้ใส่ปุ๋ยคอก พรวนดินรอบ ๆ และรดน้ำ ก็จะเจริญงอกเป็นต้นขึ้นมาได้อีกโดยไม่ต้องปลูกใหม่

     ตลอดระยะเวลาของการเจริญเติบโต อาจมีศัตรูพืชรบกวนบ้าง แต่ไม่มากนัก ศัตรูพืชที่สำคัญคือ เพลี้ยไฟ แมลงวันผลไม้เจาะผลอ่อนและโรคราแป้ง ซึ่งเกิดที่ใบ ป้องกันได้ด้วยการใช้กับดักกาวเหนียว เพื่อดักตัวแก่และคอยเก็บใบที่เป็นโรคหรือแสดงอาการผิดปกตินำไปเผา ไม่จำเป็นจะต้องใช้สารเคมีให้เปลืองงบประมาณแต่ประการใด

ที่มาข่าว: เดลินิวส์

ความคิดเห็น