เลี้ยงหอยขมขาย ต้นทุนน้อยกำไรงาม



หอยขม จัดเป็นหอยฝาเดียว มีเปลือกหนาปานกลาง แต่แข็งแรง ผิวเปลือกเรียบ มี 3 ชั้น ชั้นกลางเป็นหินปูนมีขนาดหนาที่สุด สีเปลือกด้านนอกตอนอยู่ในน้ำหรือนำขึ้นจากน้ำใหม่ ๆ จะมีสีน้ำตาลอมดำจนถึงดำ แต่หากอยู่บนบกนาน ตะไคร่น้ำจะลอกออก ทำให้มองเห็นเป็นสีน้ำตาลอมเขียวหรือสีน้ำตาลดำ

เปลือกมีรูปทรงกรวย ที่ขดเป็นเกลียว เวียนขวาและมีขนาดเกลียวค่อย ๆ เล็กลงไปหาท้ายเปลือกที่มีลักษณะแหลม ส่วนหน้ามีขนาดใหญ่ มีช่องเปิดปิดด้วยฝาหอย เรียกว่า ปากเปลือก ภายในเป็นส่วนลำตัว ประกอบด้วยส่วนหัวที่ประกอบด้วยตา 1 คู่ และหนวด 1 คู่ ปาก แผ่นเท้า ถัดมาเป็นระบบทางเดินอาหาร และมดลูกที่ขดเป็นเกลียวตามรูปเปลือก จนถึงทวารหนักบริเวณท้ายหอย

เป็นหอยที่พบมากในแหล่งน้ำนิ่ง ในทั่วทุกภาคของประเทศไทย ในระดับความลึกตั้งแต่ 0.1-2 เมตร และมักพบชุกชุมบริเวณริมตลิ่งที่มีโคลนหรือมีกิ่งไม้จับ ด้วยการอยู่รวมกันเป็นกลุ่มในระดับความลึกที่ผิวน้ำจนถึง 1 เมตร โดยในช่วงกลางคืนจะพบได้มากบริเวณริมตลิ่ง ส่วนกลางวันที่มีแดดร้อนจัด หอยจะเคลื่อนตัวลงลึก

จะชอบจับกิ่งไม้ชายตลิ่ง และกินอาหารจากตะไคร่น้ำที่เกาะตามกิ่งไม้ แต่หากไม่มีกิ่งไม้ก็มักจะฝังตัวอยู่ตามดินโคลนในระดับผิวโคลน และเมื่อมีการลอยน้ำจะใช้เท้าเทียมที่ข้างหนวดพัดโบกไปมาเพื่อให้ลำตัวเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ต้องการ

เป็นหอยที่มีทั้ง เพศเมีย และเพศผู้อยู่ในตัวเดียวกัน จึงมีการผสมพันธุ์ได้ภายในตัวเอง หรืออาจใช้วิธีผสมพันธ์ุข้ามตัวก็ได้ ออกลูกเป็นตัว เมื่อผสมพันธุ์แล้ว ไข่จะพัฒนาในท่อมดลูกของเพศเมีย จนมีกระดองหุ้ม และมีอวัยวะเหมือนตัวเต็มวัย แล้วจะถูกปล่อยออกมาจากตัวแม่เมื่อกระดองมีความแข็งแรง และหลังปล่อยออกมา แม่หอยจะใช้หนวดเขี่ยวุ้นที่เกาะบนลูกหอยออกเพื่อให้ลูกหอยเคลื่อนที่ได้

ตัวเต็มวัยที่พร้อมจะผสมพันธ์ุจะมีอายุประมาณ 60 วัน หรือมีขนาดกว้าง 1.5–2 เซนติเมตร ยาว 2-3 เซนติเมตร โดยแม่หอย 1 ตัว จะออกลูกได้ประมาณ 20-30 ตัว ต่อ 1 ครั้ง อาหารที่สำคัญ ได้แก่ แพลงก์ตอนพืช และสัตว์ขนาดเล็ก ตะไคร่น้ำ พืชน้ำ ซากเน่าเปื่อยของใบไม้ และอินทรียสารต่าง ๆ ที่เป็นตะกอนในดินโคลน ด้วยการใช้จะงอยปากที่ยืดยาวดูดน้ำ และอาหารเข้าปาก

การเลี้ยงเริ่มจากนำพ่อแม่หอยปล่อยลงในบ่อเลี้ยงในอัตราการปล่อยที่ 200-300 ตัวต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร โดยใช้พ่อแม่พันธุ์หนัก 60-100 ตัว ต่อกิโลกรัม ขึ้นไป และการเลี้ยงในบ่อดินร่วมกับการเลี้ยงปลากินพืช ในร่องสวน หรือในนาผักบุ้ง ผักกระเฉดนั้น นับเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยประหยัดต้นทุนในการเลี้ยงได้ดี

ในแหล่งเลี้ยงให้ใส่ทางมะพร้าวหรือกิ่งไม้ในปริมาณตามขนาดของบ่อ ส่วนอาหารให้เศษใบไม้ และปุ๋ยหมัก จากนั้นก็ปล่อยให้เจริญเติบโตตามธรรมชาติประมาณ 2 เดือน จะสามารถทยอยคัดเก็บที่ได้ขนาดออกมาจำหน่ายได้ และทยอยเก็บได้อย่างต่อเนื่องในทุก 2-3 เดือน ซึ่งจะเก็บได้ตลอดทั้งปี ซึ่งราคาเฉลี่ยที่จำหน่ายในพื้นที่ กทม. และปริมณฑลจะ อยู่ที่ประมาณ 65.00 บาทต่อกิโลกรัม หากเป็นพื้นที่ต่างจังหวัดราคาจะสูงหรือต่ำกว่าก็อยู่ที่ใกล้หรือไกลกับแหล่งผลิตมากน้อยแค่ไหน แต่ที่สำคัญคือ เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงยังไม่มีผู้ใดขาดทุนจากการเลี้ยงหอยขมจำหน่าย เพราะต้นทุนในการเพาะเลี้ยงต่ำนั้นเอง

สำหรับผู้บริโภคหอยขมควรต้มหรือทำให้สุกเสียก่อนรับประทาน เพราะอาจมีไข่พยาธิติดมาด้วย โดยเฉพาะพยาธิใบไม้ในตับ และพยาธิใบไม้ในลำไส้ และระวังหอยขมที่เลี้ยงในแหล่งน้ำใกล้โรงงานอุตสาหกรรมหรือแหล่งน้ำเสียชุมชน ควรหลีกเลี่ยงเพราะอาจปนเปื้อนโลหะหนักที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

ที่มา: เดลินิวส์

ความคิดเห็น